Dragon Quest Monsters: The Dark Princeเป็นเกมแนวเลี้ยงมอนสเตอร์ภาคใหม่ล่าสุดจากซีรีส์ Dragon Quest Monsters ที่กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานพอสมควร โดยเกมนี้จะเปิดโอกาสให้เราได้รับบทเป็น Psaro ออกเดินทางดูแลเหล่ามอนสเตอร์และหาพวกมันมาเป็นพวกที่มีมากกว่า 500 ชนิด
และแน่นอนว่าผู้เขียนก็ได้มีโอกาสเข้าไปจับมอนสเตอร์ภายในเกมนี้มาแล้ว และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะมานำเสนอรีวิวเกมที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน Nintendo Switch และถ้าหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้ครับ
กราฟิกที่ดูดี แม้ว่าจะเล่นแบบพกพาก็ตาม
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงในการรีวิวเกม Dragon Quest Monsters: The Dark Prince ก็คือกราฟิกภายในเกมนี้ที่ทำออกมาได้ดีน่าประทับใจพอสมควร โดยผู้เขียนแอบคิดว่ากราฟิกดูสวยขึ้นจากเกมเวอร์ชั่นเดโม่เล็กน้อยการเล่นเกมนี้ในแบบต่อจอใหญ่ก็เรียกได้ว่าภาพสวยงามสดใสเต็ม ๆ ตา ในขณะที่การเล่นเกมในแบบพกพาก็สามารถทำได้ลื่นไหล ภาพสวยไม่แพ้เล่นบนจอใหญ่เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในบางมุมผู้เขียนแอบรู้สึกว่ากราฟิกน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกหน่อยแต่โดยรวมก็ถือว่าสวยงามในระดับที่น่าพอใจแล้วล่ะครับ
นอกจากนี้ความลื่นไหลในการเล่นเกมนี้ก็เรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว โดยไม่ว่าจะเล่นแบบต่อจอใหญ่ หรือเล่นแบบพกพาเล่นได้ลื่นไหลในระดับที่น่าประทับใจ แม้ว่าบางครั้งในฉากคัทซีนเราอาจจะพบอาการเฟรมเรตตกบ้าง รวมไปถึงเราจะสังเกตได้ชัดเจนว่าเฟรมเรตของมอนสเตอร์ที่อยู่ไกลเราออกไปนิดจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำจนทำให้เราเห็นเป็นภาพสะดุด ซึ่งแอบน่าเสียดาย และเราก็ได้แต่หวังว่าทางผู้พัฒนาจะรีบมีแพทช์แก้ออกมาครับ
ระบบ Talent Points ที่ทำให้มอนสเตอร์แตกต่างกันไป
อีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจก็คือระบบ Talent Points เป็นสิ่งที่ทำให้มอนสเตอร์ของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป เพราะผู้เล่นสามารถอัปเกรดมอนสเตอร์ให้ไปในรูปแบบที่ต้องการได้ โดยแม้ว่าตอนแรกมอนสเตอร์ระดับต้นจะไม่ได้มีความแตกต่างกันในแง่ของสกิลเท่าไหร่นัก เพราะจะมีเส้นทางให้อัปที่จำกัด แต่เมื่อมอนสเตอร์มีเลเวลที่สูงขึ้น ก็จะมีเส้นทางการอัปเกรดที่มากขึ้น รวมไปถึงการรวมร่างก็จะเปิดโอกาสให้เราได้เลือกสกิลในการสืบทอดไปยังร่างต่อไปด้วย ทำให้มอนสเตอร์แม้ว่าจะเป็นตัวเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน
เกมเพลย์สะสมมอนสเตอร์ และการรวมร่างที่ทำเอาติดงอมแงม
หัวใจหลักของเกมนี้ก็คือ การที่ผู้เล่นได้ออกสำรวจโลกกว้าง พบเจอกับมอนสเตอร์ต่าง ๆ มากมายตามพื้นที่ต่าง ๆ จากนั้นก็จับพวกมันมาเป็นพวก จัดทีมเข้าต่อสู้กับคนอื่น ๆ ทั้งในเนื้อเรื่องและออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งจำนวนมอนสเตอร์ที่ทางผู้พัฒนาเกมเคยบอกไว้ว่ามีมอนสเตอร์มากกว่า 500 ชนิด ผู้เขียนก็ค่อนข้างมั่นใจว่า “เป็นความจริง” เพราะยิ่งสำรวจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอมอนสเตอร์ที่แปลกตามากขึ้นเท่านั้น แถมมอนสเตอร์ภายในเกมนี้ไม่ใช่มอนสเตอร์ประเภทย้อมสีที่แค่เปลี่ยนสีก็เป็นอีกตัว แต่เป็นมอนสเตอร์ที่มีดีไซน์แตกต่างกันออกไปเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประทับใจสุด ๆ
ในการจับมอนสเตอร์นั้นผู้เล่นจะต้องเข้าต่อสู้กับพวกมัน โดยเราจะเลือก Scout มันเลยก็ได้ หรือเทคนิคพื้นฐานก็คือให้เราโจมตีพวกมันสักพักก็จะทำให้เรามีโอกาส Scout มันได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบออโต้ (คำสั่ง Fight) ก็อาจจะทำให้มอนสเตอร์ของเราเผลอกำจัดมันโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้ ฉะนั้นให้เราเลือกโจมตีแบบ Order ที่เราใส่คำสั่งเองได้จะดีกว่า เพราะถึงแม้ว่าเราจะเลือกตั้งค่า Tactics ในการต่อสู้ได้ แต่หลัก ๆ มอนสเตอร์ของเราก็เน้นโจมตีศัตรูจนตายอยู่ดี นอกจากนี้บางครั้งเมื่อเรากำจัดศัตรูได้มันจะมาขอเข้าเป็นพวกเราก็ได้เช่นกัน!
อ้อ! สิ่งที่ต้องระวังมี 2 ข้อครับ ได้แก่เมื่อเราเข้าต่อสู้ แล้วมีมอนสเตอร์มากกว่า 1 ตัวในนั้น หากเราเลือกที่จะจับมอนสเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งไว้ ก็จะทำให้การต่อสู้สิ้นสุดทันที มอนสเตอร์อีกตัวจะหายไปเลย รวมไปถึงเมื่อเราเข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งแล้ว เมื่อออกมาจากการต่อสู้จะทำให้มอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ ๆ หายไปทันที! ซึ่งผู้เล่นต้องระวังจุดนี้ให้ดีครับ
แต่ที่น่าสนใจและทำให้ผู้เขียนเสพติดมาก ๆ ก็คือการรวมร่างเพื่อพัฒนาระดับของมอนสเตอร์ให้สูงขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นเพื่อใช้ในการต่อสู้กับคนอื่น ๆ ต่อไป เพราะเกมนี้จะไม่เหมือนกับเกมสะสมตัวละครมือถือที่เราสามารถอัปเกรดระดับดาวของมอนสเตอร์ได้ด้วยการนำมอนสเตอร์ประเภทเดียวกันมาอัปเกรด แต่เราจะสามารถทำได้ด้วยการนำมอนสเตอร์มารวมร่างให้กลายเป็นมอนสเตอร์ตัวใหม่ (แต่เลเวลกลับไปเป็นเลเวล 1) โดยเราสามารถเลือกได้ตั้งแต่มอนสเตอร์ที่ต้องการ (หากเป็นกรอบสีทองคือมอนสเตอร์ที่มีระดับ Rank ที่สูงขึ้น) รวมไปถึงเลือกสกิลที่ต้องการจากมอนสเตอร์ตัวเดิมมาให้มอนสเตอร์ที่รวมร่างใหม่ได้บางอัน ซึ่งจุดนี้กลายเป็นจุดที่สนุกมาก ๆ เพราะเหมือนเราจะได้ทดสอบการรวมร่างและการเลือกสกิลติดตัวได้เรื่อย ๆ ทำให้ผู้เขียนเชื่อว่าผู้เล่นหลายคนจะอยู่ในรูปแบบ “เนื้อเรื่องไม่เดิน วัน ๆ เอาแต่จับมอน และรวมร่างมอน” แน่นอน
ระบบฤดูกาลที่ส่งผลต่อเกมเพลย์
องค์ประกอบที่ต้องพูดถึงอย่างมาก และเป็นสิ่งที่น่าสนใจตั้งแต่มีการประกาศออกมาตั้งแต่แรกของเกม Dragon Quest Monsters: The Dark Prince ก็คือระบบฤดูกาลที่ภายในเกมนี้จะมีการใส่ระบบนี้เข้ามาด้วย แถมฤดูกาลภายในเกมนี้ไม่ได้ใส่เข้ามาแค่สวย ๆ เท่านั้น แต่มีผลอย่างมากในการเล่นเกมนี้ ซึ่งทำให้ผู้เขียนประทับใจองค์ประกอบของเกมนี้มาก ๆ
อย่างแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือพื้นที่ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลทำใหการสำรวจโลกของผู้เล่นนั้นน่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ทำให้ส่งผลต่อการเข้าถึงพื้นที่บางอย่างได้ เช่น ในฤดูหนาวจะทำให้แม่น้ำแข็งตัว ทำให้เราสามารถเดินบนน้ำแข็งได้ นั่นแปลว่าเราอาจจะได้มีโอกาสสำรวจถ้ำที่อยู่อีกฝั่งที่ปกติเข้าไม่ถึงก็ได้ หรือแม้กระทั่งน้ำพุที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนเท่านั้นจะทำให้เราเข้าถึงพื้นที่บางที่ที่เราเข้าไม่ได้ในฤดูอื่นก็เป็นได้ รวมไปถึงเถาวัลย์ที่งอกออกมาเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ เป็นต้น
นอกจากเรื่องพื้นที่แล้ว ฤดูกาลยังส่งผลโดยตรงต่อมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในแผนที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรากฎตัวของ Stump Chump ในฤดูไม้ผลิ, Leafy ที่จะปรากฏตัวในฤดูใบไม้ร่วง, Teeny ที่จะปรากฏตัวเฉพาะฤดูหนาว เป็นต้น ทำให้การสำรวจพื้นที่เดิม ๆ ในช่วงฤดูกาลที่แตกต่างกันนั้นเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ เพราะเราจะได้พบเจอกับมอนสเตอร์ที่แปลกตาไปจากเดิมอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าระบบฤดูกาลนี้ส่งผลให้คุณค่าการเล่นซ้ำของเกม Dragon Quest Monsters: The Dark Prince สูงขึ้นอย่างมาก และผู้เขียนเชื่อว่าในอนาคตทางผู้พัฒนาเกมจะสามารถอัปเดตมอนสเตอร์ใหม่ หรืออีเวนต์ที่อ้างอิงกับฤดูกาลภายในเกมนี้มาให้เราได้ใช้งานกันแน่นอน
สรุปรีวิว
Dragon Quest Monsters: The Dark Prince ถือได้ว่าเป็นเกมที่ทำออกมาได้ดีสมกับการรอคอยเป็นอย่างมาก ด้วยระบบของเกมที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่กลับสร้างคุณค่าในการเล่นซ้ำได้สูงมาก ๆ ทำให้ผู้เล่นที่ชื่นชอบเกมแฟรนไชส์ Dragon Quest เล่นได้สนุก ในขณะที่ผู้ที่ไม่เคยเล่นเกมแฟรนไชส์นี้มาก่อน แต่ชอบเกมแนวสะสมมอนสเตอร์ก็จะต้องชอบอย่างแน่นอน
ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่9เต็ม10ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ
จุดเด่น
– มอนสเตอร์จำนวนมากให้เราได้จับกัน
– ระบบฤดูกาลที่โดดเด่น
– เล่นจอใหญ่หรือพกพาก็สวยงาม
– ระบบฟิวชั่นมอนสเตอร์ที่ทำเอาเสพติดง่าย ๆ
– มอนสเตอร์ที่อยู่ในทีม แต่ไม่ได้เข้าสู้ก็ได้ EXP ด้วย
– เร่งความเร็วตอนต่อสู้ และตั้งต่อสู้อัตโนมัติได้ด้วย
-มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ไม่ใช่มอนสเตอร์ประเภทย้อมสี แต่เป็นดีไซน์ที่แตกต่างออกไป
ข้อสังเกต
– ระบบออโต้ที่ทำให้เราเผลอฆ่ามอนสเตอร์ตายบ่อย ๆคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
– การตั้งค่า Tactics ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่นัก
– เฟรมเรตยังถือว่ามีข้อน่าสังเกตอยู่ไม่น้อย อยากให้มีแพทช์แก้ไขออกมาให้ไว
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment Asiaที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ BNEAs’ e-store :[คลิก]และตัวแทนจำหน่ายในไทย
ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม
Dragon Quest Monsters: The Dark Prince