กับกลุ่มนักรบ "แวกเนอร์" หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 5 พ.ค.) ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ ได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอวิจารณ์กองทัพรัสเซียอย่างรุนแรง พร้อมกับขู่ว่าจะถอนกำลังออกจากเมืองยุทธศาสตร์อย่างเมืองบัคมุตทันที เพราะกองทัพรัสเซียไม่ยอมส่งกระสุนให้ตามที่ร้องขอไป แต่ล่าสุดผู้ก่อตั้งกลุ่ม "แวกเนอร์" กลับลำและส่งสัญญาณว่าจะสู้รบในเมืองบัคมุตต่อไป
หัวหน้า “แวกเนอร์” จวกกองทัพรัสเซีย หลังปฎิเสธส่งกระสุน
กลับลำ! “แวกเนอร์” เตรียมรบต่อในบัคมุต หลังรัสเซียสัญญาให้อาวุธเพิ่ม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ( 7 พ.ค.) เยฟเกนี ปริโกชิน ผู้ก่อตั้งแวกเนอร์ ได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอประกาศว่า กลุ่มนักรบแวกเนอร์จะต่อสู้ในพื้นที่เมืองบัคมุตต่อไป เนื่องจากตอนนี้สามารถตกลงกับกองทัพรัสเซียเรื่องกระสุนได้แล้ว โดยกองทัพรัสเซียสัญญาว่าจะให้กระสุนตามที่กลุ่มแวกเนอร์ร้องขอ
การออกมาพูดของปริโกชินครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เขาได้อัดคลิปวิจารณ์กองทัพรัสเซียอย่างรุนแรง ว่ากองทัพรัสเซียส่งกระสุนให้เพียงร้อยละ 30 ของความต้องการใช้ในแต่ละวันเท่านั้น กระสุนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการทำให้กลุ่มแวกเนอร์เสียเปรียบทหารยูเครน ถูกโจมตีจนสูญเสียนักรบเกินที่ควรจะเป็น
ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ระบุว่า ปัญหาความไม่ลงรอยในครั้งนี้จบลงเพราะได้รับความช่วยเหลือจากพลเอกเซอร์เก ซูโรวิกิน อดีตผู้บัญชาการของปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร ที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลประสานงานระหว่างกองทัพรัสเซียและกลุ่มแวกเนอร์คำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
แม้ว่ารอยร้าวระหว่างกลุ่มแวกเนอร์และรัฐบาลจะถูกประสานด้วยการให้สัญญาว่าจะส่งกระสุนให้ใช้เพื่อสู้รบ แต่นักวิเคราะห์บางส่วนให้ความเห็นว่าสถานการณ์ล่าสุดระหว่างกองทัพรัสเซียและกลุ่มแวกเนอร์เป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราวเท่านั้น
เพราะจากบทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งในช่วงที่ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ไม่พอใจกองทัพรัสเซีย นอกจากเรื่องการถอนกองกำลังออกจากเมืองบัคมุตแล้ว อีกประเด็นใหญ่ที่เขาระบุชัดเจนคือ กลุ่มแวกเนอร์จะไม่มีทางไปรวมหรือเข้าไปเป็นหนึ่งในกองกำลังของกระทรวงกลาโหม
การพูดเช่นนี้ของผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กลุ่มนักรบจ้างแวกเนอร์ไม่ได้รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกองทัพรัสเซีย และไม่ต้องการอยู่ภายใต้อำนาจรวมศูนย์ของกองทัพ ที่สั่งการโดยพลเอกเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์คือใคร ทำไมถึงไม่ต้องการเข้าร่วมกับกองทัพรัสเซีย
กลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์เป็นกองกำลังกึ่งทหารที่ก่อตั้งโดยเยฟเกนี ปริโกชิน มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย คนสนิทของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลปรากฏแน่ชัดว่ากลุ่มแวกเนอร์ถูกก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปีใด แต่นักรบรับจ้างกลุ่มนี้ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อปี 2014 ขณะที่รัสเซียใช้กำลังเข้าผนวกคาบสมุทรไครเมียของยูเครน
หลังจากนั้น โลกก็ได้เห็นบทบาทของกลุ่มนักรบแวกเนอร์อยู่เป็นระยะๆ โดยข้อมูลหน่วยข่าวกรองของชาติตะวันตกระบุว่า กลุ่มนักรบนี้อาจเข้าไปมีส่วนพัวพันกับกลุ่มสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในสงครามกลางเมืองในซีเรียเมื่อปี 2015 ด้วย
ข้อมูลล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ระบุว่าปัจจุบันกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์อาจจะมีสมาชิกมากกว่า 50,000 ราย และส่วนใหญ่สู้รบอยู่ในยูเครน
สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่มนักรบแวกเนอร์ที่กำลังรบอยู่ในยูเครนขณะนี้ มากกว่าร้อยละ 80 เป็นนักโทษในเรือนจำรัสเซียที่ถูกเกณฑ์มารบเพื่อแลกกับอิสรภาพในอนาคต
ปัจจุบันกลุ่มแวกเนอร์มีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมายรัสเซีย เนื่องจากปริโกชินได้ลงทะเบียนกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์ให้เป็นบริษัทเอกชน และเปิดสำนักงานใหญ่ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตั้งแต่ปีที่แล้ว ปัจจุบันกลุ่มแวกเนอร์ยังคงระดมพลอย่างเปิดเผยในรัสเซีย เนื่องจากมีสถานะเป็นบริษัท ทำให้ไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการห้ามตั้งกองกำลังเอกชนในรัสเซีย และไม่ขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหมรัสเซีย
ตอนนี้แวกเนอร์เป็นกองกำลังสำคัญที่สู้รบอยู่ที่เมืองบัคมุตในแคว้นโดเนตสก์ รายงานล่าสุดของศูนย์เพื่อการศึกษาสงครามหรือ ISW ระบุว่า ตอนนี้รัสเซียสามารถยึดเมืองบัคมุตได้มากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และเข้าถึงพื้นที่ใจกลางเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์เคยระบุว่า รัสเซียตั้งเป้าจะยึดเมืองบัคมุตให้ได้ภายในวันที่ 9 พฤษภาคมหรือวันพรุ่งนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความสำเร็จที่จะนำไปประกาศต่อสาธารณชนในวาระครบรอบ 78 ปีที่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตมีชัยเหนือกองทัพนาซีเยอรมนี
นอกจากการสู้รบที่เมืองบัคมุต ทางภาคตะวันออกของยูเครนแล้ว ล่าสุดทางการยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่หลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเคียฟ เมืองหลวง และพื้นที่ชายฝั่งทะเลดำทางภาคใต้
วานนี้ทางการยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้ส่งโดรนพลีชีพสัญชาติอิหร่านรุ่นชาเฮด-136 และชาเฮด-131 กว่า 35 ลำจากแคว้นเบรียนสก์ทางตอนใต้ของรัสเซีย เข้าโจมตีแคว้นเคียฟซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงยูเครน แต่กองทัพอากาศของยูเครนสามารถยิงสกัดโดรนทั้ง 35 ลำเอาไว้ได้ ทำให้ไม่เกิดความเสียหายใหญ่ในพื้นที่
ปาปโก หัวหน้าหน่วยทหารประจำกรุงเคียฟระบุว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยในพื้นที่ เนื่องจากเศษซากของโดรนที่ถูกยิงสกัดร่วงลงมาจากท้องฟ้าและไปตกใส่อาคารและรถของประชาชน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย
ด้านกองทัพอากาศยูเครนได้ออกประกาศเตือนประชาชนไม่ให้ประมาท แม้ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีจะสามารถยิงสกัดโดรนได้ทั้งหมดก็ตาม
นอกจากที่แคว้นเคียฟแล้ว อีกพื้นที่หนึ่งที่ถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศอย่างหนักคือ แคว้นโอเดสซา เมืองท่าที่ติดทะเลดำทางตอนใต้ของยูเครน
เมื่อวานนี้ ทางการของแคว้นโอเดสซารายงานว่า รัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลต่อต้านเรือรุ่น X-22 โจมตีโรงงานผลิตอาหารแห่งหนึ่งในเมืองโอเดสซา ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้อย่างหนัก จนเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินต้องเร่งควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ
นอกจากนี้ ทางการแคว้นโอเดสซายังได้รายงานเพิ่มเติมว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธพิสัยรุ่น Tu-22M3 จำนวน 8 ลูกจากแหลมทาร์คานคุต บนคาบสมุทรไครเมีย เข้าโจมตีพื้นที่ต่างๆ ในแคว้นโอเดสซาเพิ่มเติม แต่ขีปนาวุธส่วนใหญ่โจมตีไม่โดนเป้าหมายสำคัญ
ทั้งนี้ทางการแคว้นโอเดสซาไม่ได้รายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมยูเครนได้ให้ข้อมูลว่า เฉพาะเมื่อวานนี้กองทัพรัสเซียได้โจมตีหลายพื้นที่ของยูเครน เช่น แคว้นเคียฟ แคว้นคาร์คีฟ แคว้นเคอร์ซอน และแคว้นมิโคลายิฟ ไปกว่า 61 ครั้ง และในจำนวนนี้ 52 ครั้ง เป็นการโจมตีด้วยเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องหรือ MLRS
การโจมตียูเครนอย่างหนักของรัสเซียรอบนี้ มีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่รัสเซียจะจัดพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะหรือ Victory Day ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคมหรือวันพรุ่งนี้ วัน Victory day คืออะไร และสำคัญอย่างไรต่อรัสเซีย
9 พฤษภาคม ถือเป็นหนึ่งในวันที่มีความสำคัญมากที่สุดวันหนึ่งของปฏิทินการเมืองของรัสเซีย เพราะเป็นวันที่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตสามารถเอาชนะกองทัพนาซีของเยอรมนีได้และนำไปสู่การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 1939 เมื่อกองทัพนาซีเยอรมนีเข้ารุกรานเพื่อนบ้านในยุโรป เริ่มจากโปแลนด์ไปจนถึงฝรั่งเศส
หลังจากนันในเดือนมิถุนายน ปี 1941 ฮิตเลอร์สั่งกองทัพนาซีหลายแสนนายบุกสหภาพโซเวียตแบบสายฟ้าแลบในยุทธการที่มีชื่อว่า “บาบารอสซา” โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อขยายดินแดนและกำจัดลัทธิคอมมิวนิสต์
โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียตในเวลานั้น สั่งระดมกำลังกองทัพแดงตั้งรับการเข้ามาของกองทัพนาซี การสู้รบในหลายสมรภูมิ เช่น สมรภูมิสตาลินกราด สมรภูมิรเชฟ เป็นไปอย่างดุเดือด
กองทัพนาซีเริ่มเสียเปรียบเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ท่ามกลางอากาศที่เย็นจัดและอุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดปัญหาการส่งกำลังบำรุงทั้งอาวุธ กระสุน เสื้อผ้าและอาหารให้กับทหารในแนวหน้า ทหารนาซีหลายแสนนายเสียชีวิตจากการถูกกองทัพแดงสังหาร บางส่วนหนาวตาย
ทางด้านสหภาพโซเวียตเองก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยประเมินว่ามีทั้งหทารและพลเรือนเสียชีวิตรวมกว่า 27 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ชาวโซเวียตสามารถปกป้องแผ่นดินได้ ยุทธการบาบารอสซาที่ดำเนินอยู่กว่า 10 เดือนจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกองทัพนาซี
ต่อมาในเดือนเมษายน 1945 กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตร่วมกับกองทัพของสัมพันธมิตรที่ประกอบไปด้วย สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เข้าล้อมกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี กองทัพนาซีกำลังถูกตีต้อนให้จนมุม ก่อนที่ 30 เมษายน อดอฟ์ ฮิตเลอร์จะตัดสินใจฆ่าตัวตาย
หลังจากนั้นกองทัพของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสบุกเข้าเบอร์ลินทางตะวันตก ก่อนที่กองทัพนาซียอมจำนนและเหลือเพียงด้านตะวันออก
จากนั้นในวันที่ 8 พฤษภาคม กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตเข้ารุกปิดฉากนาซีจากฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน
ทหารกองทัพแดงบางส่วนบุกฝ่าเข้าไปถึงใจกลางเมือง ปักธงค้อนเคียวขึ้นเหนืออาคารรัฐสภาของเมืองหลวงที่กำลังมอดไหม้ ก่อนที่เยอรมนีจะลงนามในข้อตกลงยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข
ชัยชนะของกองทัพแดงในปี 1945 คือ ช่วงเวลาที่รัสเซียสมัยใหม่ภูมิใจมากที่สุด ไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าช่วงเวลานี้แล้ว
เรื่องราวนี้ถูกเล่าสืบต่อผ่านการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทุกๆ วันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปีอย่างไรก็ดี บรรยากาศพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะปีนี้จะไม่คึกคักเท่าปีที่ผ่านๆ มา และพิธีจะถูกจัดขึ้นตามเมืองใหญ่ๆ เช่น ในกรุงมอสโกหรือนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเท่านั้น
ตอนนี้สำนักข่าวรัสเซียรายงานว่า ผู้ว่าการแคว้นต่างๆ ในรัสเซียกว่า 21 แคว้นประกาศงดจัดพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะประจำปี 2023 โดยให้เหตุผลด้านความปลอดภัย หลังรัสเซียถูกโจมตีหลายครั้งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากการสอบถามความเห็นประชาชนในกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซียเกี่ยวกับการจัดพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตรายและเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
ประชาชนรัสเซียระบุว่ารัฐบาลไม่ควรยกเลิกพิธีสวนสนาม เนื่องจากเป็นพิธีสำคัญที่รำลึกถึงบรรพชนที่เสียสละชีวิตปกป้องแผ่นดินรัสเซีย ตลอดจนเป็นแรงบันดาลใจและเป็นการสื่อสารกับประชาชนว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่