หลังจากที่ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนกันยายนได้เกิดความตึงเครียดระหว่างแคนาดากับอินเดีย ปมแคนาดากล่าวหาว่ารัฐบาลอินเดียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร “ฮาร์ดีป ซิงห์ ไนจาร์” พลเมืองแคนาดาและผู้นำชาวซิกข์คนสำคัญ ซึ่งอินเดียตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ล่าสุดสถานการณ์เหมือนจะลุกลามมาถึงเพื่อนบ้านแคนาดาอย่างสหรัฐฯ โดยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างว่า ได้จับกุมชาวอินเดียที่มีส่วนในการพยายามลอบสังหารผู้สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนซิกข์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯคำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ
กู้ภัยอินเดียช่วยชีวิต 41 คนงานติดใต้ซากอุโมงค์สำเร็จ
อินเดียระงับออกวีซ่าให้พลเมืองแคนาดา หลังความสัมพันธ์ตึงเครียด
แคนาดา-อินเดียตึงเครียด! ปมลอบสังหารผู้นำชาวซิกข์ในแคนาดา
กระทรวงฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียรายหนึ่ง ได้สั่งการวางแผนลอบสังหารชาวนิวยอร์กคนหนึ่งที่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนซิกข์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมนั้น อัยการแมนฮัตตันกล่าวว่า ชื่อ นิคิล กุปตา วัย 52 ปี ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียรายนี้ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยและข่าวกรอง เพื่อลอบสังหารชาวนิวยอร์กคนหนึ่งที่สนับสนุนการตั้งรัฐอธิปไตยของซิกข์
อัยการไม่ได้ระบุชื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียหรือเป้าหมายที่จะถูกลอบสังหาร ส่วนกุปตานั้นถูกทางการเช็กจับกุมเมื่อเดือนมิถุนายน และกำลังอยู๋ระหว่ากระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางในแมนฮัตตัน กล่าวในแถลงการณ์ว่า “จำเลยสมคบคิดกับทางการอินเดียเพื่อก่อคดีลอบสังหารกลางกรุงนิวยอร์ก หวังสังหารพลเมืองสหรัฐฯ ที่มีเชื้อสายอินเดีย ซึ่งสนับสนุนการสถาปนารัฐอธิปไตยสำหรับชาวซิกข์อย่างเปิดเผย”
ตามที่อัยการระบุ เจ้าหน้าที่อินเดียได้คัดเลือกกุปตาในเดือนพฤษภาคม 2023 เพื่อเตรียมการลอบสังหาร ก่อนหน้านี้ กุปตาเคยบอกเจ้าหน้าที่ว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและอาวุธ
จากนั้นกุปตาได้ติดต่อคนที่เขาเชื่อว่าเป็นผู้ร่วมก่ออาชญากรรมเพื่อขอความช่วยเหลือในการจ้างมือปืน แต่จริง ๆ แล้วผู้ร่วมงานคนนั้นคือสายลับของสำนักงานปราบปรามยาเสพติด
วันรุ่งขึ้นหลังจากไนจาร์ถูกสังหาร กุปตาเขียนถึงสายลับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดว่า “ไนจาร์ก็เป็นเป้าหมายเช่นกัน” และ “เรามีเป้าหมายมากมาย”
กุปตาถูกตั้งข้อหาจ้างวานฆ่าและสมร็ร่วมคิกกันจ้างวานฆ่า รวม 2 กระทง โดยอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก Stefani Reynolds / AFP